STUDY IN GERMANY
เรียนต่อประเทศเยอรมนี
STUDY IN GERMANY
เรียนต่อประเทศเยอรมนี / เรียนต่อเยอรมัน
เรียนต่อเยอรมนี Study in Germany
ป.ตรี ป.โท เยอรมนี เรียนภาษาที่ประเทศเยอรมนี
พี่ๆ อาวล์ เอ็ดดูเคชั่น (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นศูนย์แนะแนวการศึกษาเรียนต่อต่างประเทศ ขอแนะนำการเรียนต่อที่ประเทศเยอรมันมีทั้งแบบจ่ายค่าเทอมที่ถูก และบางมหาลัยที่เยอรมนียังมีทุนการศึกษาให้สำหรับนักเรียนต่างชาติอีกด้วย สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศที่ค่าเทอมไม่แพง พี่ ๆขอแนะนำประเทศเยอรมนี แถมเรียนไปทำงานไปได้อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่จบมหาลัยจากประเทศเยอรมนียังสามารถขอวีซ่าเพื่อหางานทำได้อีก 18 เดือน เรียนต่อนอกค่าเทอมไม่แพงต้องที่ประเทศเยอรมนี โดยหลักๆ หนทางสู่มหาวิทยาลัยในเยอรมนีจะมีอยู่ 3 หนทางตามความถนัดด้านภาษาดังนี้ สำหรับนักเรียนที่จบการศึกษาชั้น ม.6 จากประเทศไทย และอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเยอรมนี น้อง ๆ ทุกคนจะต้องเข้าเรียนปรับพื้นฐาน (Preparatory Course / Studienkolleg-STK) หรือ ที่เรียกอีกอย่างว่า Freshman year เพื่อเป็นการปรับวุฒิให้เท่ากับ high school ของประเทศเยอรมัน จ่ายเพียงค่าธรรมเนียมของมหาวิทยาลัย ประมาณ 300-500 ยูโร (10,800-18,000 บาท *เทียบเรท 1 ยูโร = 38 บาท) *ยกเว้นรัฐ Wurttemberg จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,500 ยูโร หรือ 55,000 บาท* ซึ่งที่น้องๆ จ่ายไป น้องๆ จะได้กลับคืนมาในรูปแบบตั๋วเดินทางสำหรับนักเรียน น้องๆ สามารถใช้รถเดินทางในเมืองนั้นๆ ได้ฟรีตลอดเทอม รวมถึงสวัสดิการอื่น
ข้อมูลทั่วไปของประเทศเยอรมนี (Germany)
เมืองหลวง : เบอร์ลิน
จำนวนประชากร : 82,422,299 คน
สกุลเงิน : ยูโร
พื้นที่ทั้งหมด : 357,340 ตร.กม
ประเทศเยอรมนี (Germany, Deutschland) หรือ ชื่ออย่างเป็นทางการคือ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Federal Republic of Germany) เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐแบบรัฐสภาในยุโรปกลาง เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในสหภาพยุโรป มีรัฐองค์ประกอบ 16 รัฐ ประเทศเยอรมนีเป็นจุดหมายการเข้าเมืองยอดนิยมอันดับสองในโลกรองจากสหรัฐ เมืองหลวง และ มหานครใหญ่สุดของประเทศคือ กรุงเบอร์ลิน เป็นประเทศที่มีความหนาแน่นประชากรสูงสุดแห่งหนึ่ง
ใบไม้ผลิ
ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม
อากาศจะอุ่นขึ้น ต้นไม้ดอกไม้
เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ร้อน
ช่วงเดือน มิถุนายน – สิงหาคม
อุณหภูมิเฉลี่ย 18 – 20 องศาเซลเซียส
หรืออาจจะสูงกว่า
ใบไม้ร่วง
ช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายน
อากาศจะเย็นลง มีฝน
และใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี
หนาว
ช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์
อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศา
ถึงลบ 5 องศาเซลเซียส มีหิมะตก
คำถามที่พบบ่อย
FAQ's
เรียนต่อเยอรมนี ดีอย่างไร?
- ทำไม? ต้องเรียนต่อเยอรมนีมหาวิทยาลัยในเยอรมนี มีความพร้อมทุกด้านและเป็นที่ยอมรับระดับโลก
– เทคโนโลยีทางการศึกษาดีมาก
– สภาพแวดล้มเหมาะกับการเรียน
– ปลอดภัย นักศึกษาได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
– ค่าเรียนถูกมาก (พอกับนานาชาติที่ประเทศไทย) ในบางมหาวิทยาลัยเรียนต่อเยอรมันเรียนฟรี
– ได้เรียนรู้ภาษาที่ 3 (ภาษาเยอรมัน) ภาษาอังกฤษอาจเป็นภาษาที่จำเป็น แต่ภาษาเยอรมันคือกำไร ที่เราจะได้รับ
– มีหลักสูตรนานาชาติ และมีมหาวิทยาลัยที่พร้อมจะรับนักเรียนต่างชาติเยอะมาก
– มีคณะ สาขา หลักสูตรให้เลือกเยอะ รวม ๆ กว่า 18,000 หลักสูตรเลย - ประโยชน์ของการเรียนต่อเยอรมนี
– รู้จักช่วยเหลือตัวเองและเอาตัวรอด
– รู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง
– ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ
– ได้ฝึกภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง
– มองเห็นโลกกว้างขึ้น ออกไปจากกรอบเดิม ๆ
– มีมิตรภาพ มีเพื่อน ๆ นานาชาติเพิ่มขึ้น
– เพิ่มโอกาสด้านอาชีพ การทำงาน
– เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
– มีประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
– ได้รับวุฒิจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
- ทำไม? ต้องเรียนต่อเยอรมนีมหาวิทยาลัยในเยอรมนี มีความพร้อมทุกด้านและเป็นที่ยอมรับระดับโลก
ระบบการศึกษาของประเทศเยอรมนี
โรงเรียนในเยอรมันส่วนใหญ่ดำเนินการโดยรัฐ และจะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่หากเป็นโรงเรียเอกชน หรือ โรงเรียนนานาชาติจะมีการคิดค่าใช้จ่าย การศึกษาขั้นบังคับนั้นเริ่มขึ้นเมื่อเด็ก ๆ อายุครบ 6 ปี โดยในแต่ละรัฐจะรับผิดชอบด้านนโยบายการศึกษาแตกต่างกัน หมายความว่าระบบของโรงเรียนจะขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่โรงเรียนตั้งอยู่ รวมถึงหลักสูตรและหนังสือเรียนด้วย และแต่ละรัฐยังมีการแบ่งประเภทโรงเรียนอีก
- ระบบโรงเรียนเยอรมันมีโครงสร้างหลัก ๆ ดังนี้
1. Grundschule (โรงเรียนประถม)
เด็ก ๆ เริ่มต้นเรียนชั้นประถมศึกษาเมื่ออายุ 6 ปี โรงเรียนประถมทั่วไปครอบคลุมถึงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (Grade 4) มีเพียงโรงเรียนประถมในเมือง Berlin และ Brandenburg เท่านั้นที่มีต่อเนื่อง ไปจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Grade 6) เมื่อจบชั้นประถมศึกษา
2. Weiterführende Schulen (โรงเรียนมัธยม)
– Hauptschule สำหรับเกรด 5 ถึง 9 หรือ 10 สอนวิชาสามัญทั่วไปและเน้นปฏิบัติเตรียมพร้อมสำหรับสายอาชีพ เมื่อเรียนจบจะได้รับประกาศนียบัตรเรียกว่า Hauptschulabschluss สามารถเข้าเรียนต่อในระดับอาชีวศึกษาได้
– Realschule สำหรับเกรด 5 ถึง 10 เป็นประเภทโรงเรียนที่ได้รับความนิยมมาก โดยจะเน้นทฤษฎีมากกว่า Hauptschule เมื่อเรียนจบจะได้รับประกาศนียบัตรเรียกว่า Realschulabschluss
– Gymnasium สำหรับเกรด 5 ถึง 12 หรือ 13 เน้นวิชาการและมีการเรียนภาษาที่สองเพื่อเตรียมพร้อมนักเรียสำหรับการศึกษาในมหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เมื่อเรียนจบจะได้รับประกาศนียบัตรเรียกว่า Abitur
– Gesamtschule สำหรับเกรด 5 ถึง 12 หรือ 13 มีเพียงบางรัฐในเยอรมันเท่านั้นที่มีโรงเรียนประเภทนี้ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่รวมโรงเรียนทั้งสามประเภทเข้าด้วยกัน คล้ายกับโรงเรียนมัธยมของอเมริกา - วันและเวลาในโรงเรียนเยอรมัน
ปกติแล้วนักเรียนจะเข้าเรียนในช่วงเช้า เวลาประมาณ 7:30 – 8:15 am และเลิกเรียนเวลาประมาณ 12:00 – 1:30 pm คลาสเรียนจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีต่อหนึ่งคาบ และมีช่วงเวลาพักเบรกสั้น ๆ ระหว่างคาบด้วย - ปีการศึกษาของโรงเรียนเยอรมัน
1 ปีการศึกษาประกอบไปด้วย 2 เทอม โดยปกติจะเริ่มประมาณกลางถึงสิ้นเดือนสิงหาคม มีวันหยุดยาวในช่วงคริสต์มาสและมีปิดเทอมฤดูร้อน ช่วงปิดเทอมเล็กคือช่วงอีสเตอร์และฤดูใบไม้ร่วง โดยปกติแล้วช่วงวันหยุดคริสต์มาสจะหยุดประมาณ 2 สัปดาห์ และช่วงหยุดฤดูร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 6 สัปดาห์
เรียนจบจากประเทศไทยต้องการไปต่อปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมนี
1. เรียนปรับพื้นฐาน (Studienkolleg) กรณีจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ประเทศไทย
เนื่องจากระบบการศึกษา High School ของประเทศเยอรมนีนั้น เรียน 13 ปี แต่ประเทศไทยเรียน 12 ปี ทำให้น้องๆ ต้องเรียนปรับพื้นฐาน (Studienkolleg) เป็นเวลา 1 ปี เป็นการเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี ซึ่งน้องๆ ที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช. จากประเทศไทย ต้องเรียนปรับพื้นฐาน (Studienkolleg) ทุกคน เพราะวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาไม่สามารถเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ที่ประเทศเยอรมนีได้ทันที
1.1 มหาวิทยาลัย University Studienkollegs
เมื่อเรียน Studienkolleg ที่อยู่ในเครือของ University จบแล้ว น้องๆ สามารถสอบเข้าเพื่อนำคะแนนไปยื่นเข้าเรียนต่อได้ทุกมหาวิทยาลัยในเยอรมนี เปิดสอนหลักสูตรพิเศษดังต่อไปนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย
– M-course สำหรับการเรียนทางการแพทย์ ชีวภาพ และเภสัชศาสตร์
– T-course สำหรับการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคนิค
– W-course สำหรับบริหารธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์ และ สังคมศาสตร์
– G-course สำหรับการเรียนมนุษยศาสตร์ และภาษาเยอรมนี
– S-course สำหรับการศึกษาด้านภาษา
1.2 มหาวิทยาลัย University of applied sciences
Studienkolleg ที่อยู่ในเครือของ University of applied sciences น้องๆ สามารถสอบเข้าเพื่อนำคะแนนไปยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเครือ University of applied sciences เท่านั้น เปิดสอนหลักสูตรพิเศษดังต่อไปนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย
– TI-course สำหรับสาขาวิศวกรรมศาสตร์
– WW-course สำหรับสาขาเศรษฐศาสตร์ และบริหารธุรกิจ
– GD-course สำหรับสาขาศิลปกรรมศาสตร์ และออกแบบ
– SW-course สำหรับสาขาสังคมศาสตร์
2. เรียนต่อ ป.ตรี ที่เยอรมัน
นักเรียนที่เรียนจบจากประเทศไทยใน วุฒิ ม.6 / ปวช. หรือ ปวส. จะยังไม่เป็นที่ยอมรับเที่ยบเท่ากับประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับโรงเรียนของเยอรมนี นักเรียนไทยที่มีวุฒิดังกล่าว จะต้อง…
1.1 เข้าเรียนปรับพื้นฐานก่อน 1 ปี หรือ ที่เรียกว่า Studienkolleg
1.2 เมื่อเรียนปรับพื้นฐานจบ 1 ปี จะมีการสอบประเมินความรู้ หรือที่เรียกว่า Feststellungsprüfung (FSP) เพื่อเป็นการปรับวุฒิให้เท่ากันและมีสิทธิในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนี
3. เรียนต่อ ป.โท ที่เยอรมัน
สามารถมีสิทธิสมัครเข้าเรียนได้เลย เพราะวุฒิปริญญาตรีของไทยส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับจากประเทศเยอรมัน และมีคุณสมบัติต่างๆ เป็นไปตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องการ เช่น
1.1 ความรู้ทางภาษา
1.2 ประสบการณ์การทำงาน
หนทางการเข้าสู่มหาวิทยาลัยในเยอรมนี 2024
วิธีที่ 1 เรียนหลักสูตรเยอรมัน
เลือกเรียนหลักสูตรภาษาเยอรมัน โดยน้อง ๆ ต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันในระดับ B2 ขึ้นไป เพื่อเตรียมเสอบเข้าเรียนปรับพื้นฐาน Studienkolleg (มีทั้งของรัฐบาลและเอกชน) เป็นเวลา 1 ปี เมื่อเรียนจบน้อง ๆ จะต้องสอบจบที่เรียกว่า Feststellungsprüfung (FSP) เพื่อเป็นการปรับวุฒิให้เท่ากับนักเรียนของประเทศเยอรมนี และ มีสิทธิในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนี จากนั้นเอาคะแนนสอบ FSP + เกรดมัธยม ยื่นเข้าในคณะและมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ ต้องการเรียน หลังจากนั้นเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก 3 ปี เพื่อได้รับวุฒิปริญญาตรี
สถาบันที่เปิดสอน Studienkolleg เอกชน ที่ Owl แนะนำ
1. Freshman Program FH Aachen ต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันในระดับ B1 เท่านั้น และมีการจัดการสอบที่ประเทศไทย ทั้งแบบ On Site และ Online น้อง ๆ สามารถติดตามวันที่เปิดรับสมัครได้ที่หน้าเพจ Owl Education Thailand
2. BIC Berlin International College ไม่มีการสอบเข้า เมื่อเรียนจบสามารถเข้าเรียน ป.ตรี ในมหาวิทยาลัยที่เป็นพาร์ทเนอร์ได้เลย การันตีที่นั่งเรียนทันที
3. Studienkolleg อื่น ๆ ของรัฐ มีการสอบเข้า สามารถดูรายละเอียดหลักสูตรได้ในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่สนใจได้เลย
ในกรณีมีความรู้ภาษาเยอรมันไม่ถึง B2 แนะนำให้ไปเรียนภาษาเยอรมันจากเจ้าของภาษาที่ประเทศเยอรมันได้โดยตรง เรียนภาษาเยอรมัน 4-12 เดือน จากนั้นสอบเข้า Studienkolleg ที่ประเทศเยอรมนี ทั้งนี้บางสถาบันสอนภาษาจะมีบริการช่วยนักเรียนสมัครเข้า Studienkolleg ของรัฐ และมีคอร์สติวสอบเข้า Studienkolleg อีกด้วย ทาง Owl Education มีพาร์ทเนอร์โรงเรียนสอนภาษาให้เลือกตามความต้องการของน้องๆ
วิธีที่ 2 เรียนสูตรภาษาอังกฤษ
2.1 เรียนหลักสูตร English Track ของ Freshman Program FH Aachen
เลือกเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการเข้าเรียนปรับพื้นฐาน (Studienkolleg) หลักสูตร English Track ของ Freshman Program FH Aachen น้อง ๆ ต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับ B2 หรือ IELTS 5.5 โดยการสอบวัดระดับภาษาจะอยู่ในการสอบเข้า สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ได้ต้องมี Certificate โดยการเรียนจะเป็นการเรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 100% ทั้งหลักสูตร เมื่อจบหลักสูตร นักศึกษาจะต้องสอบจบ Feststellungsprüfung (FSP)
หลังจากจบหลักสูตร สามารถเลือกได้ 2 เส้นทาง
1. นักเรียนที่เรียนหลักสูตร W-Course จะได้รับการการันตีเข้าเรียนที่ FH Südwestfalen/South Westphalia University of Applied Sciences ในคณะ Business Administration with Informatics เท่านั้น การสอนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
2. นักเรียนที่เรียนหลักสูตร W-Course หรือ T-Course สามารถสมัครเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีหลักสูตรภาษาอังกฤษใดก็ได้ที่มหาวิทยาลัยในรัฐ North Rhine-Westphalia (NRW) ของประเทศเยอรมนี
2.2 เรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ Bachelor Prep Program English – Technology (T-Kurs) ของ BIC
เลือกเรียนหลักสูตร Studienkolleg กับทาง BIC Berlin International College สามารถสมัครและเข้าเรียนได้เลยโดยไม่ต้องสอบเข้า ข้อจำกัดของวิธีนี้ คือ จะเหมาะกับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อ ป.ตรี ด้าน Technology เช่น Engineering, IT, หรือ Architecture เท่านั้น โดยน้อง ๆ ต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับ B2 หรือ TOEFL 72 / IELTS 6 หลังเรียนจบน้อง ๆ สามารถเข้าเรียนในระดับ ป.ตรี กับพาร์ทเนอร์ของ BIC ได้เลย การันตรีที่นั่งเรียนหลังเรียนจบหลักสูตรทันที
ตรวจสอบคณะ ป.ตรี ที่สามารถเรียนต่อได้ที่
https://owl-education.com/studienkolleg/berlin-international-college/
2.3 เรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยเอกชน (Private University)
วิธีนี้คือการใช้วุฒิมัธยมศึกษาจากประเทศไทยยื่นเข้าที่ มหาวิทยาลัยเอกชน (Private University) โดยต้องเรียน Foundation Year ของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ และจะต้องผ่าน Entry Test และเกณฑ์การรับเข้าของแต่ละมหาวิทยาลัย โดยจะใช้เป็นผลสอบ IELTS 6.0 / TOEFL 80 ทั้งนี้เกณฑ์วัดระดับทางภาษาจะต้องตรวจสอบกับทางมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ ต้องการศึกษาต่ออีกครั้ง
แนะนำมหาวิทยาลัย เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ 100%
https://owl-education.com/studentuniversity/university-germany/
เกี่ยวกับการเรียนปริญญาตรีที่เยอรมนี
- ไม่มีความรู้ด้านภาษาเยอรมัน สามารถเรียนปริญญาตรีได้หรือไม่ ถ้าเรียนต่อปริญญาตรี สามารถทำงานพิเศษได้หรือไม่
เรียนได้ค่ะ น้องสามารถเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม น้องทุกคนจะต้องมีผลการสอบด้านภาษาอังกฤษ IELTS ที่ 6.5 หรือ TOEFL ที่ 65 คะแนน - ถ้าเรียนต่อปริญญาตรี สามารถหางานพิเศษได้หรือไม่
ได้ค่ะ น้องสามารถทำงานพิเศษได้ 120 วันต่อ 1 ปี (เป็นการทำงานแบบเต็มวัน) และ 240 วันต่อ 1 ปี (เป็นการทำงานแบบครึ่งวัน) - งานพิเศษหาทำยากไหม
หาไม่ยากค่ะ ขึ้นอยู่กับความพยายามและความสามารถของน้องๆ - ค่าตอบแทนของงานพิเศษที่ทำได้ประมาณเท่าไหร่
ค่าตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 8 – 15 ยูโรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับงานที่น้องๆ ทำ - ถ้าเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้ว สามารถพำนักอยู่ในประเทศเยอรมนีต่อเพื่อหางานได้หรือไม่
ได้ค่ะ หากน้องๆเรียนจบระดับปริญญาตรี ตามกฎหมายแล้ว น้องๆสามารถอยู่ต่อในประเทศเยอรมนี ได้สูงสุดถึง 18 เดือน เพื่อหางานทำ ซึ่งหากน้องๆได้งานที่ตรงตามคุณสมบัติที่จบมาแล้ว ทางประเทศเยอรมนีจะเปลี่ยนจากวีซ่านักเรียนให้เป็นวีซ่าประเภทพำนักถาวร เพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานในประเทศเยอรมนี
เกี่ยวกับการเรียนปริญญาโทที่เยอรมนี
- จบปริญญาตรีในสาขาที่ไม่ตรงกับปริญญาโททำอย่างไรได้บ้าง
สำหรับน้องๆที่จบสาขาไม่ตรง ก็สามารถเรียนได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคณะวิชา/สาขา ของแต่ละมหาวิทยาลัย ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย IUBH ถ้าน้องๆเรียนจบปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ หรือสายวิศวกรรมศาสตร์ แล้วอยากเรียนปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจ น้องๆต้องเรียน Pre – Master หรือ Pre – MBA เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนต่อปริญญาโท
ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อประเทศเยอรมนี
- ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อประเทศเยอรมนี
สำหรับนักเรียนไทยหรือนักเรียนต่างชาติอื่นๆ (ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศ EU) ที่ต้องการเรียนต่อประเทศเยอรมนี นอกจากใบตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยแล้ว น้องๆ จะต้องเตรียมเปิด Blocked Account ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทางสถานทูตเยอรมนีกำหนดให้มีวงเงินเดือนละ 934 ยูโร/เดือน หากนักเรียนเปิด Blocked Account 1 ปี จะต้องเตรียมเงินเข้าบัญชี 934×12 = 11,208 ยูโร/ปี (ประมาณ 425,904 บาท *เทียบเรท 1 ยูโร = 38 บาท) โดย Blocked Account จะอนุญาตให้ถอนเงินได้เดือนละไม่เกิน €934 (Update: Jan 2023) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทางสถานทูตเยอรมนี คำนวณมาให้แล้วว่า นักเรียนสามารถใช้เงินจำนวนนี้ อยู่ในประเทศเยอรมันได้ใน 1 เดือน
** เหตุที่ต้องมีข้อกำหนดให้นักเรียนต้องเปิดบัญชี Blocked Account เพื่อเป็นการยืนยันว่านักเรียนมีความสามารถทางการเงินเพียงพอในการเรียนและการดำรงชีพที่ประเทศเยอรมนี (ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าประกันสุขภาพ และ อื่น ๆ) **
ที่มา : https://www.auswaertiges-amt.de/en/sperrkonto/388600 - ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย ในการเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
สำหรับน้องๆที่เรียนต่อประเทศเยอรมนี ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเดือนละ 800 – 900 ยูโร ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวรวม ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าประกันสุขภาพ ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์ ทางการศึกษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต หรือค่ากิจกรรมยามว่าง เป็นต้น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของน้องๆแต่ละคน และ ขึ้นอยู่กับเมืองที่น้องอาศัยอยู่
ที่มา : https://www.daad.or.th - ค่าเทอมของมหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนีอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
ค่าเทอมของแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นไม่เท่ากัน ซึ่งบางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีค่าเทอม น้องๆจะจ่ายเพียงค่าลงทะเบียนเรียนประมาณ 300 ยูโรต่อเทอมเท่านั้น (รายละเอียดนั้นส่วนดังกล่าวน้องๆสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ตามเว็บไซค์ของมหาวิทยาลัย) - ค่าเรียนหลักสูตรนานาชาติในประเทศเยอรมนี (International Class) ค่าเรียนโดยประมาณเท่าไหร่
ระดับปริญญาตรี โดยประมาณ 5,000 – 6,000 ยูโร ต่อเทอม / ระดับปริญญาโท โดยประมาณ 7,000 – 8,000 ยูโร ต่อเทอม (ค่าเรียนโดยประมาณขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย)
การใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมนี
- หอพัก
มีทั้งเป็นหอพักนักศึกษา ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย มีห้องให้เลือกแบบห้องส่วนตัวมีห้องน้ำในตัว หรือแชร์ห้องครัว แชร์ห้องน้ำ แต่ห้องนอนแยก และ หอพักเอกชน ซึ่งน้องๆ สามารถ เลือกพักเองได้ตามที่น้องต้องการ
1. ที่พักของนักศึกษาระดับมหาลัย สามารถติดต่อผ่านหน่วยงานชื่อ Studierendenwerk ของมหาลัยที่ศึกษาอยู่ได้เลย ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Share Apartment (WG) หรือ สามารถหาที่พักเองจากเว็บไซต์ของเอกชนได้เลย
2. ที่พักของสถาบันสอนภาษา สามารถจองห้องพักกับสถาบันสอนภาษาได้เลย โดยที่พักจะมีให้เลือกทั้งแบบ Private Apartment และ Host family หรือ สามารถหาที่พักเองจากเว็บไซต์ของเอกชนได้เลย
3. ที่พักของเอกชน สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการหาที่พักเอง แนะนำให้ไปดูห้องจริงก่อนจะตัดสินใจเช่า ตัวอย่างชื่อเว็บไซต์ที่พักของเอกชนมีดังนี้ Immobilien – scout24 / Housinganywhere / Wg – gesucht / Ebay – kleinanzei – gen / Wunderflat / Airbnb - หาอาหารไทยกินได้หรือเปล่า?
ถ้าตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีร้านอาหารไทย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และมี super market ของเอเชีย ที่มีอาหารเอเชียขาย - การเดินทางปลอดภัยไหม?
ปลอดภัยค่ะ ประเทศเยอรมนี ถือเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง และ ระบบคมนาคมก็สะดวกสบาย เจ็บป่วยที่เยอรมนี
ถ้าน้องๆที่มีโรคประจำตัว ให้นำยาที่รักษาโรคประจำตัวและยาสามัญไปด้วย แต่ถ้าหากเกิดฉุกเฉิน ก็สามารถขอนัด พบแพทย์ที่ประเทศเยอรมนีได้ โดยใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพที่น้องๆ ซื้อขณะที่อาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี โดยเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ค่าเบี้ยประกันสุขภาพโดยประมาณ 75 ยูโร ต่อเดือน
ต้องใช้วีซ่าประเภทใดในการไปเรียนต่อเยอรมนี
น้อง ๆ ที่มีสัญชาติไทย และต้องการไปเรียนต่อประเทศเยอรมนี จะต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าจากทางสถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ซึ่งจำแนกได้ 2 ประเภทคือ
- Schengen Visa
คือ ระยะเวลาพำนักไม่เกิน 90 วัน สำหรับนักเรียนที่ไปเรียนระยะสั้น - National Visa
คือ ระยะเวลาพำนักเกินกว่า 90 วัน สำหรับนักเรียนที่ไปเรียนระยะยาว โดยหลัก ๆ แล้วสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท
2.1 วีซ่าเพื่อเรียนภาษาเยอรมัน
– สำหรับเรียนภาษาเยอรมันกับสถาบันสอนภาษา
– ต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันพื้นฐาน A1
– สามารถทำงาน Part-time ได้สูงสุด 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
– จำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับเปิด Block account คือ 1028 ยูโร/เดือน
2.2 วีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
– สำหรับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนมัธยม หรือ มหาวิทยาลัย
– ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาเยอรมัน
– สามารถทำงาน Part-time ได้
– จำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับเปิด Block account คือ 934 ยูโร/เดือน
สำหรับน้องๆ ที่ถือวีซ่านักเรียน น้องๆ จะได้รับส่วนลดค่ารถ ทั้งรถขนส่งสาธารณะ และ รถไฟ ส่วนลดค่าเข้าสถานที่ต่างๆ
การสอบ IELTS / TOEFL / TestDaF
- IELTS (International English Language Testing System)
1. ค่าสมัครสอบ 6,900 บาท เริ่ม 16 กันยายน 2560 เป็นต้นไป
2. ลงทะเบียนล่วงหน้า 1 เดือน
3. ข้อสอบ ฟัง พูด อ่าน เขียน (สำหรับข้อสอบพาร์ทพูดจะจัดสอบในวันเสาร์)
รายละเอียดข้อสอบ
1. การสอบการฟัง (Listening) 30 นาที
ผู้สอบต้องฟังเนื้อเรื่องจากเครื่องเล่น CD ซึ่งเนื้อหาจะประกอบไปด้วยการสนทนา และ บทพูด รวมทั้ง การออกเสียงผู้สอบจะได้ฟังเทปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่จะมีเวลาให้ในการอ่านคำถาม และ เขียนคำตอบ และ ในช่วงท้ายจะมีเวลาให้คัดลอกและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบใน Answer Sheet อีก 10 นาที
2. การสอบการอ่าน (Reading) 60 นาที
มีเนื้อเรื่องให้อ่าน 3 บทความ พร้อมด้วยคำถามที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ได้มาจากหนังสือ นิตยสาร และ หนังสือพิมพ์ ในทุกๆ เรื่องเป็นเรื่องทั่วไปไม่ได้เจาะจงเฉพาะทางใดทางหนึ่ง รวมทั้ง 3 บทความ จะมีคำถามทั้งหมดจำนวน 40 ข้อ และ ให้เวลาทั้งหมด 60 นาที ดังนั้นเวลาในการทำจะเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณข้อละ 1.5 นาที
3. การสอบการเขียน (Writing) 60 นาที
จะแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง ให้เวลา 60 นาที เรื่องแรก คือการเขียนในลักษณะอธิบายข้อมูลที่ให้มาในรูป แบบกราฟ ตาราง แผนผัง เราจะต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ที่เด่นๆ โดยที่ต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำ เป็นอย่างต่ำ เรื่องที่สอง คือ การเขียนเรียงความหรือรายงานอย่างเป็นทางการ และ เป็นการ แสดงความคิดเห็น การหาทางออก ของปัญหา หรือ วิจารณ์หัวข้อที่ให้มา โดยต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ
4. การสอบการพูด (Speaking) 11-14 นาที
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป การใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนที่สอง กรรมการจะมี เวลาให้เตรียมตัวก่อนพูด 1 นาที โดยจะมีบัตรคำถามมาให้ และ จะให้เราพูดคนเดียวประมาณ 3-4 นาที และ ส่วนสุดท้าย จะมีลักษณะคล้ายกับการพูดโต้ตอบกันในหัวข้อที่ได้จากส่วนที่สอง
สถานที่สอบ และ วันสอบ
1. กรุงเทพมหานคร : โรงเเรมแลนด์ มาร์ค สุขุมวิทเชียงใหม่ : โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่
2. ภูเก็ต : AVSS Phuket (Study Abroad & English Academy)
วิธีสมัครสอบ
1. กรอกใบสมัครการสอบ IELTS ด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ (Capital Letter)
2. รูปถ่ายปัจจุบัน 2 รูป (ขนาด 2 นิ้ว)
3. สำเนาเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งพร้อมเอกสารฉบับจริง ดังต่อไปนี้
– บัตรประจำตัวประชาชน
– หนังสือเดินทาง
4. ชำระค่าสมัครสอบที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์
*** หมายเหตุ ผู้สมัครสอบต้องเตรียมเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วนในวันที่ทำการสมัครสอบ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้สมัครสอบ ****
ลิงค์เพิ่มเติม
1. www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/dates-fees-locations
2. www.ielts.idp.co.th/wha_is_ielts_th.aspx
3. www.oxbridge.in.th/ielts-test-dates
- TOEFL (Test of English as a Foreign Language)
TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language (ออกเสียงว่า “โทเฟิล” หรือ “โทเฟล”) เป็นการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษตามมาตรฐานของภาษาอังกฤษอเมริกัน ซึ่งมีการออกแบบสำหรับใช้ในการประเมินความสามารถทางภาษาของผู้สมัคร เพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในเรื่องของการศึกษาต่อ หรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร โดยผลคะแนนโทเฟลจะใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี
TOEFL จะทดสอบทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
1. การพูด (Speaking)
2. การฟัง (Listening)
3. การอ่าน (Reading)
4. การเขียน (Writing)
ในทุกครั้งจะต้องผสมผสานทักษะต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อใช้ในการตอบคำถาม โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการสอบ ซึ่งคุณสามารถเลือกการสอบได้ทั้ง Internet-based Test (iBT) หรือ Paper-based Test (PBT) ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่มีให้ที่ศูนย์ทดสอบ
– TOEFL Internet-based Test (iBT) ประเมินความสามารถของคุณในการอ่าน ฟัง พูด และ เขียนภาษาอังกฤษและใช้ทักษะเหล่านี้ร่วม กันในชั้นเรียนมหาวิทยาลัย เช่น คุณอาจอ่าน หรือ ฟังบรรยาย แล้วเขียนหรือพูดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้
– TOEFL Paper-based Test (PBT) ประเมินความสามารถของคุณในการอ่าน ฟัง และ เขียน ภาษาอังกฤษ
ค่าสมัครสอบ
สำหรับประเทศไทย 185 USD
ช่องทางการสมัคร
สมัครสอบผ่านทางออนไลน์ที่ www.ets.org/toefl
สำหรับประเทศไทยมีศูนย์สอบแบบ TOEFL Internet-based Test (iBT) เท่านั้น
– กรุงเทพมหานคร
– เชียงใหม่
– หาดใหญ่
– สระบุรี
– สุราษฎร์ธานี
– ยะลา
ข้อสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
1. การฟัง 30 คะแนน
2. การพูด 30 คะแนน
3. การอ่าน 30 คะแนน
4. การเขียน 30 คะแนน
รวมทั้งหมด 120 คะแนน
ใบรับรองคะแนน
ใบรับรองคะแนน ผู้สอบจะได้รับใบรับรองคะแนนทั้งหมด 5 ฉบับ ดังนี้
– ฉบับแรกจะเป็นรายงานผลที่ส่งให้ผู้เข้าสอบ
– อีก 4 ฉบับ จะเป็นรายงานผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้เข้าสอบสามารถเลือกว่าจะให้ทาง ETS ส่งตรงไปให้กับสถาบัน หรือ บริษัทใด โดยมีระยะเวลาในการจัดส่งประมาณ 15 วันหลังจากวันที่เข้าสอบ
*หากต้องการมากกว่านี้ จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม US$17 ต่อ 1 ฉบับ
สิ่งที่ต้องนำติดตัวมาในวันสอบ
1. Passport
2. ใบ confirm ที่พิมพ์จากระบบลงทะเบียน Internet
– www.ets.org/toefl
– www.dek-d.com/studyabroad/37194/
- TestDaF
TestDaF เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาเยอรมันของผู้เข้าสอบ ตั้งแต่ระดับ 4 – 5 (B2 ถึง C1) ตามกรอบความตกลงร่วมกันของสหภาพยุโรปด้านภาษา ดังนั้นแล้ว ความรู้ ความสามารถของผู้เข้าสอบ จะต้องอยู่ในระดับ B2 เป็นอย่างต่ำ
ค่าสมัคร
130 ยูโร
สถานที่จัดสอบ
สถาบันเกอเธ่ (Goethe Institute) กรุงเทพมหานคร
ข้อสอบ
1. ทักษะการอ่าน : 3 บทความ 30 ข้อ ระยะเวลา 60 นาที
2. ทักษะการฟัง : 3 หัวข้อในการฟัง 25 ข้อ ระยะเวลา 40 นาที
3. ทักษะการเขียน : 1 บทความ ระยะเวลา 60 นาที
4. ทักษะการพูด : 7 หัวข้อ ระยะเวลาโดยประมาณ 30 นาที
ผลการประเมิน
1. TestDaF-Niveaustufe 5 (TDN 5 – TestDaf level 5) C1.2
2. TestDaF-Niveaustufe 4 (TDN 4 – TestDaf level 4) B2.2 – C1.1 (ระดับคะแนนที่น่าพึงพอใจ)
3. TestDaF-Niveaustufe 3 (TDN 3 – TestDaf level 3) B2.1
ลงทะเบียนสอบ
– การลงทะเบียนด้วยตัวเองที่ห้องทะเบียน กรุณานำหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ มาด้วย
– การลงทะเบียนทางอีเมล์ กรุณาสอบถามสถานะที่นั่งในการสอบในช่วงที่ท่านต้องการทางอีเมล์ของ สถาบันเกอเธ่ได้ ทางสถาบันยินดีให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันและเวลาที่แน่นอนสำหรับการสอบ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวของท่านที่จำเป็น
** หมายเหตุ : สถาบันไม่รับสมัครทางโทรศัพท์ **
กำหนดการลงทะเบียน
ท่านจะต้องลงทะเบียนสอบอย่างช้าที่สุด 7 วันก่อนวันสอบจริง สถาบันจะจัดที่นั่งให้กับผู้เรียนและผู้เข้าสอบตามจำนวนที่มีว่าง
การยืนยันเบื้องต้น
หลังจากได้ลงทะเบียนทางอีเมล์แล้ว ท่านจะได้รับใบยืนยันการจอง ภายใน 3 วัน โดนจะระบุรายละเอียดการชำระเงิน
การยืนยันโดยสมบูรณ์
หลังจากท่านได้ชำระเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับใบยืนยันแบบสมบูรณ์ทางอีเมล์
ที่มา
– www.goethe.de/ins/th/th/spr/prf/anm.html
– https://www.testdaf.de/zielgruppen/fuer-teilnehmende/informationen-zum-testdaf/testdaf-niveaustufen/
COUSE IN GERMANY
เลือกคอร์สที่ใช่สำหรับคุณ รวบรวมคอร์สเรียน
ที่ประเทศเยอรมนีไว้ที่นี่แล้ว ทั้งคอร์สระยะสั้นและระยะยาว
เปิดรับสมัครแล้วที่ Owl Education